วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

First time @Hongkong-Macau Day5


วันสุดท้ายแล้ว ค่ะ แพลนเที่ยวแค่ 2 ที่ คือ city gate และ นองปิงค่ะ

หลังจากเช็คเอาท์ เรียบร้อยก็นั่งMrt ไป city gate ใช้เวลานานใช้ได้ 

พอถึงที่ทางขึ้น นองปิง ต้องหาที่ฝากกระเป๋าก่อน เค้าคิดราคา 50HKD ต่อ1 ใบค่ะ

fact.
พระใหญ่ วัดโปลิน และ หมู่บ้านนองปิง 
ชมทัศนียภาพรอบทิศทาง 360 องศาจากมุมสูงในกระเช้าลอยฟ้าของท่าน คุณจะหลุดพ้นจากความรู้สึกที่เร่งรีบและกุลีกุจอต่าง ๆ ตลอดระยะทาง 5.7 ก.ม. จะนำท่านหลีกหนีความเร่งรับและความวุ่นวายมาอยู่ในห้องโดยสารที่สะดวกสบายซึ่งทานสามารถปล่อยอารมณ์ให้เพลิดเพลินไปกับธรรมชาติและต้องมนต์สายลมสดชื่นที่พัดผ่านแนวเขาและ เสียงเรียกจากธรรมชาติ กรุณาเตรียมกล้องถ่ายรูปของคุณไว้ให้พร้อมสำหรับถ่ายภาพธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแล้วคุณจะตรึงตาตรึงใจไปกับทิวทัศน์อันแสนงดงามของ อ่าวตุงชง สนามบินนานาชาติฮ่องกง ที่ราบสูงนองปิง สวนเมืองลันเตาเหนือ รูปปั้นพระพุทธรูปเทียนตัน (Tian Tan Buddha Staue) เพื่อเป็นศิริมงคลและหมู่บ้านนองปิง

ถ่ายจากบนกระเช้า ส่องลงไปด้านล่างเห็นคนเดินด้วย...อย่าบอกว่าเดินไปจนถึงหมู่บ้านนองปิงด้านบนนะ ...

คนกลัวความสูง ก็เป็น25 นาที ที่ทรมาน นะ 

เห็นพระใหญ่ไกลๆ 


พอถึงหมู่บ้านนองปิงเราก็เดินเล่นที่หมู่บ้านนองปิง มีร้านอาหาร ร้านกาแฟ ครบ ก่อนขึ้นบันได้ก็หาอาหารรองท้องกันก่อนดีกว่า

พออิ่มท้องก็ต้องเดินย่อย
การขึ้นบันไดหลายขั้นเป็นการทำให้ย่อยได้อย่างดี

fact.
ว่าด้วยเรื่อง "พระใหญ่"
พระใหญ่ หรือ บางคนเรียกว่า พระพุทธรูปเทียนถาน (Tian Tan Buddha Statue) เป็นองค์พระที่มีขนาดใหญ่มากๆ ถ้านั่งอยู่บนกระเช้า แล้วข้ามเขาไปซัก 1 ลูกก็เริ่มเห็นองค์พระตั้งเด่น เป็นสง่า อยู่บนยอดเขาหนงปิง หันด้านข้างให้เราอย่างชัดเจนเลย
องค์พระใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยคณะสงฆ์แห่งวัดโป หลิน ซึ่งเป็นวัดที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกับองค์พระ ซึ่งแล้วเสร็จและเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปกราบไหว้เมื่อปี พศ 2536 ซึ่งใช้เวลารวมในการก่อสร้างก่อราวๆ 10 ปีเลย

องค์พระทำจากทองสัมฤทธิ์หนัก 250 ตัน สูง 34 เมตร นั่งอยู่บนฐานกลีบบัว ยกพระหัตถ์ขวาและแบพระหัตถ์ด้านซ้ายไว้บนตัก พระเนตรจ้องมองลงมาเหมือนดังว่ากำลังประทานพรให้แก่ผู้ที่ไปกราบไหว้เลยล่ะ



อีกมุม อาทๆ


วิวจากด้านบนพระใหญ่ 


ตากล้องขอแอค เท่ห์ๆ สักรูป


แวะร้านHoneymoondessert@Ngong Ping village  ทานไอเนี่ยะ ไม่รู้เรียกว่าอะไร แต่อร่อยๆ มะม่วงๆ ดี recommend!!!!


ส่งท้าย ที่ นองปิง บางคนอ่าน หนงปิง อันไหนถูก?คะ บอกที^^


มุ่งหน้าต่อไป city gate 
 นั่งกระเช้า(58HKD) ลงมา shoppingที่ Citygate เปิด 10.00-22.00 ชอปเก็บตก ..

พอใกล้เวลาขึ้นเครื่องนั่งรถเมล์สาย S1 บริเวณชั้นใต้ดินใกล้ Nongping ไปสนามบิน

จบทริป อย่างสมบูรณ์ แม้ว่าที่เที่ยวในฮ่องกงมีเยอะมาก ไม่สามารถจะเที่ยวได้ครบใน 5 วันนี้แน่ๆ มีโอกาสจะมาเก็บตก ที่เหลือ ... แน่นอนค่ะ แต่เหนื่อยเหลือเกิน.... กลับถึงบ้านยังเพลียไปหลายวัน แต่ก็ถือว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจ มีประวัติศาสตร์ ความเจริญ น่ามาเที่ยวอีกค่ะ....

บาย บาย ราตรีสวัสดิ์ 23.00น 

วันศุกร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2556

First time @Hongkong-Macau #Day4


เราตื่นแต่เช้าก็มาขึ้นเรือกลับฝั่งฮ่องกง 
แพลนวันนี้สบายๆ เพราะได้นั่งรถ Big Bus ชมเมือง ฮ่องกงในจุดสำคัญต่างๆ แต่วันนี้อากาศไม่อำนวย ฝนตก ปรอยๆ เกือบทั้งวัน

ระหว่างทางเดิน เจอ big Apple

เราเดินทางจากโรงแรม the eage of Rhombus มาที่ central star ferry
แล้วเดินมาตรง Central pier7 


และแล้วก็ถึงจุดหมาย central pier7 เห็นรถ Big Bus ไกลๆ
ข้อมูลรถบิ้กบัส
Big Bus Tours คือรถท่องเที่ยวเปิดประทุน 2 ชั้น (Open Top Bus) จะให้บริการวิ่งรอบฮ่องกง  โดยจะผ่านสถานที่ท่องเที่ยว  และแหล่งช๊อปปิ้งต่าง ๆ มากมายทั้งในฝั่งฮ่องกงและฝั่งเกาลูน   โดยจะแบ่งออกเป็น 4 สายดังนี้ ...
  • สายสีฟ้า (Kowloon Tour) จะวิ่งในฝั่งเกาลูนผ่าน Avenue of Stars, Tsim Sha Tsui, Temple Street, Ladies Market, Mongkok, Sky 100 & Elements, Star Ferry เป็นต้น
  • สายสีแดง (Hong Kong Island Tour) จะวิ่งผ่าน Central Star Ferry, Causeway Bay (Sogo), Wan Chai, Peak Tram, Lan Kwai Fong & Soho, Mid-Levels Escalator เป็นต้น
  • สายสีเขียว (Aberdeen & Stanley Tour) จะวิ่งผ่าน Central Star Ferry, Ocean Park, Repluse Bay, Stanley Market, Peak Tram เป็นต้น
  • สายสีม่วง (Night Tour) จะวิ่งผ่าน Avenue of Stars, Nathan Road, Ladies Market, Temple Street Night Market, The Symphony of Lights (SOL) เป็นต้น

พอมาถึง ณ จัดขึ้นรถ อันที่จริงเราซื้อตั๋วมาจากไทยแล้ว 600฿ ต่อคน แต่วิ่งได้เที่ยวเดียว ขึ้นๆลงๆไม่ได้ ดังนั้นคนขายตั๋วก็ เสนอ upgrade เพิ่มอีก 600฿ นั่งได้3 สายเลย

เริ่มต้นเดินทางเราเลือกไปสาย สีแดงชม เมืองฝั่ง central ก่อน
  • สายสีแดง (Hong Kong Island Tour) จะวิ่งผ่าน Central Star Ferry, Causeway Bay (Sogo), Wan Chai, Peak Tram, Lan Kwai Fong & Soho, Mid-Levels Escalator เป็นต้น

ที่แรกที่รถแวบมา...

ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกง (และโกลเด้น โบฮิเนีย สแควร์)
ศูนย์การประชุมและนิทรรศการฮ่องกงที่โดดเด่นด้วยม่านกระจกขนาดใหญ่และหลังคาอะลูมิเนียมขนาด 40,000 ตารางเมตรที่ก่อสร้างอย่างแม่นยำเพื่อสะท้อนเสียงนกทะเลที่บินขึ้นสู่ฟ้า ถือเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญบนเส้นขอบฟ้าของเกาะฮ่องกง อาคารนี้เป็นที่รู้จักทั่วโลกในชื่อ HKCEC ที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าอ่าว ใช้เทคนิคการก่อสร้างจากบนลงล่างเพื่อแก้ปัญหาความท้าทายเรื่องที่ดินอันจำกัด เทคนิคนี้จัดเป็นความก้าวหน้าขั้นสูงจนได้รับรางวัลจากหลายอุตสาหกรรม


ตัวตลกนี่จะพาเที่ยวเมืองฮ่องกงนะคะ 555+

ย่าน SoHo
แหล่งรวมของร้านอาหารหรูและบาร์ที่แสนจะคลาสสิค เป็นที่ดึงดูดผู้ที่ต้องการบรรยากาศที่ในแบบที่แตกต่าง มีระบบบันไดเลื่อนที่มีหลังคาครอบที่ยาวที่สุดในโลกที่ถูกบันทึกไว้ในกินเนส บุ๊ค 

ฝนตกพรำๆ อ้อ ระหว่างการท่องเที่ยวกับรถ บิ้กบัส เค้ามีบรรยาย สถานที่สำคัญที่ผ่าน ต้องเสียบหูฟังไว้ตลอดนะคะ 
ปล.เสื้อฝนแจกฟรี


ผู้โดยสารโดยมากเป็นฝรั่ง และส่วนมากสูงอายุ 55+

ต่อมาเราก็นั่งสายสีเขียว ออกนอกเมืองกัน
  • สายสีเขียว (Aberdeen & Stanley Tour) จะวิ่งผ่าน Central Star Ferry, Ocean Park, Repluse Bay, Stanley Market, Peak Tram เป็นต้น


ผ่านโอเชี่ยนปาร์คด้วย 
โอเชี่ยนปาร์คฮ่องกงเปิดในปี 1977 เป็นสวนสนุกสัตว์ทะเลระดับโลก มีการแสดงเกี่ยวกับสัตว์ เครื่องเล่นน่าหวาดเสียว และโชว์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสนุุกไปพร้อมๆ กับความรู้และการอนุรักษ์ธรรมชาติ สวนสนุกแห่งนี้ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะฮ่องกง ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 870,000 ตารางกิโลเมตร  พื้นที่เดอะวอเตอร์ฟร้อน และเดอะซัมมิทเชื่อมต่อกันด้วยรถกระเช้าไฟฟ้าและรถรางโอเชี่ยนเอ็กซ์เพรส
Source: internet

ขอบอกว่าหนาวเย็น ลมแรงมาก ...

เริ่มไต่เขาแล้ว วันนั้นจำได้ว่าเค้าซ่อมถนน และถนนเป็นทาง2 เลน ด้วยทำให้เสียเวลามาก หนาว บรึยๆๆ

ถึงแล้ววว Stanley เราขอลงและอีก 30นาที ต้องกลับมาขึ้นรถกลับที่จุดเดิม

fact.
STANLEY MARKET ที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเพราะบรรยากาศที่รีเเลกซ์ วิวทะเล และ สินค้าราคาถูก สำหรับที่นี่เเล้ว ศิษย์พี่ว่ามีขนาดเล็กกว่าจตุจักรบ้านเราเยอะ แต่ที่คนไทยสถาปนาให้เป็น จตุจักรฮ่องกง เนื่องจากป็นตลาดที่จำหน่ายสินค้าคล้ายๆกันกับจตุจักรบ้านเรา ซึ่งส่วนใหญ่จะอาศัยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ งานเย็บปักถักร้อย งานแฮนด์เมด งานวาด งานเขียน ของที่ระลึก รวมถึงงานฝีมือต่างๆ

ลืมไปเลยว่าไม่ได้กินอะไรเลยแต่เช้า แหะๆ

ต้องเข้าเซเว่นหาอะไรลงท้อง...

กำลังจะเดินข้ามทางม้าลาย เจอหนุ่มน้อยฝรั่ง
น่ารัก จัง..

ต้องกลับไปใรเมืองแล้วว 
ขึ้นรถที่จุดที่เราลงจากรถ 
ระหว่างทางก็ถ่ายรูปไปเรื่อย...
ฟ้าหม่นๆๆ ฝนก็ตก ...

โอ้ว ...ฮวงซุ่ย เรียงขึ้นไปเต็มภูเขาเลย

รถบิ้กบัส พาเรามานั่งเรือ sampan บริการฟรี
เป็นเรือแบบเก๋งจีนโบราณลอยน้ำที่มีชื่อของฮ่องกง

เรือ Jumbo Kingdom
 บนเรือมีร้านอาหารแบบยุโรป ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง ศูนย์วัฒนธรรม โรงเรียนสอนการปรุงอาหาร และศูนย์เอ็กซิบิชั่น



เปลี่ยนรถ big bus มาเป็นสายฟ้า ชมเมือง ฝั่ง เกาลูน ดูย่านเศรษฐกิจ
  • สายสีฟ้า (Kowloon Tour) จะวิ่งในฝั่งเกาลูนผ่าน Avenue of Stars, Tsim Sha Tsui, Temple Street, Ladies Market, Mongkok, Sky 100 & Elements, Star Ferry เป็นต้น

สายสีฟ้านี้สวยอ่ะ บรรยากาศโรแมนติกสุดใน3 สาย

ย่านมงกก

1881 heritage 

ก่อนที่จะมาเป็น 1881 เฮอริเทจ แหล่งช้อปปิ้งแบรนด์เนมระดับโลกอย่างเช่นทุกวันนี้ พื้นที่แห่งนี้เดิมเคยเป็นสำนักงานใหญ่ของตำรวจน้ำของฮ่องกงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2423 ถึง พ.ศ. 2539 ตัวอาคารสร้างด้วยหินแกรนิต ตกแต่งสไตล์วิคตอเรียนวิจิตรสวยงาม

ภายหลังเค้าย้ายสถานีตำรวจไป แต่ก็ยังคงอนุรักษ์ตัวอาคารทั้งหมดไว้อยู่และกลายมาเป็นห้าง 1881 เฮอริเทจ นั่นเอง
สถานที่แห่งนี้เก่าแก่มากกว่า 120 ปีมาแล้ว  เดิมทีจะเป็น Hong Kong Marine Police ค่ะ  ซึ่งต่อมาทางฮ่องกงได้มีการถมทะเลออกไปเพื่อเพิ่มพื้นดินให้มากขึ้น  ทางฝั่งที่เป็น HKG Museum of Art, HKG Clutural Centre รวมทั้งโรงแรม  และสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต Avenue Of Stars จึงทำให้สถานที่แห่งนี้หมดความสำคัญลง  และเปลี่ยนเป็นแหล่งช๊อปปิ้งระดับ World Class 
คนมาถ่ายพรีเวดที่นี่มากมาย

วันนี้ยังไม่ได้ทานอะไรจริงๆจังๆเลย
เลยจัดข้าวแกงกะหรี่ ความเผ็ด สูงสุด อร่อยเด็ด สะใจจริงๆ
ตบท้ายด้วยของหวาน
เค้กก้อนนี้ ประมาณ 80HKD แพงแต่อร่อยเวอร์!? เนื้อชอคโกแลตแบบ นุ่ม เข้ม กินลืมแบ่งคนข้างๆเลยอ่ะ 555

กลับมาที่พักสักที คืนนี้เราเข้าพัก the eage of Rhombus Hotel ราคาพอๆกับbridal tea คืนแรกแต่สบายกว่าเยอะมากกกกก... หรูหรา ครบครัน แต่ห้องก็ยังเล็กกะทัดรัด ห้องน้ำ กระจกใส กิ้ง คนข้างนอกก็เห็นหมดสิ (เสียก็ตรงนี้แหละ) 555+

ราตรีสวัสดิ์...

วันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2556

First time @ HongKong -Macau #day3

วันที่ 2 เช็คเอาท์ออกจาก bridal tea hostel
  เดินทางไปโรงแรม Hotelde Edge by Rhombus (เพื่อฝากกระเป๋า) 

           วิธีการเดินทาง  นั่ง Mrtจาก Yau ma tei ไปลงที่สถานี Shueng wan 
               -----------  เดิน 800 เมตร  ออกทาง exit c หันไปทางซ้ายเดินตรงอย่างเดียวพอเห็นซอย Sutherland street ไปอีก 10 ก้าว ถึงโรงแรม
            ถ้าไม่ทันก็นั่งรถรางได้นะคะ ลงที่สถานี shutherland street แล้วเดินต่อ

เมื่อฝากกระเป๋าแล้วเดินทางต่อไปที่  Macau Ferry Termial
เรือ มี2 เจ้าใหญ่ 
เรือ Turbo Jet  เป็นเรือลำใหญ่  ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. .....  ข้อดี คือ ออกทุก 30 นาที 7.00-22.00

เรือ Cotai Jet เป็นเรือลำใหญ่  ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ... ข้อเสีย คือ จะมีไม่กี่รอบเท่านั้น 
ราคาเท่าๆกันทั้ง2เจ้า
ส่วนตัวจำไม่ได้ว่านั่งเจ้าไหนค่ะ 5555+
ราคาชั้นธรรมดาประมาณ 150 HKD (600฿)
พอถึงฝั่งไทปา (มาเก๊า)  เดินทางไป fisherman whaft โดยการเดินไปสัก10 นาที จำได้ว่าอากาศค่อนข้างร้อนพอสมควร 
เราเดินเล่นชมสถาปัตยกรรมโรมัน ถ่ายรูปชิวๆ
ถึงแล้ว fisherman whaft แต่พอมาถึง เค้าปิดปรับปรุงค่ะ 555 แต่ก็ได้ดูความอลังการภายนอกแทน



 จากนั้นเราก็เรียกแทกซี่เพื่อไปโรงแรม Ole London Hotel  ค่าแทกซี่ที่นี่ ไม่แพงเท่าฮ่องกง ดังนั้นนั่งได้สบายๆเลยค่ะ 

ระหว่างทางไม่ได้แวะ เจ้าแม่กวนอิม เลยถ่ายบนแทกซี่แทน อิอิ

มาถึง โรงแรม ค่อนข้างสบายเลยทีเดียว ห้องใหญ่ ห้องน้ำกว้างผิดกับที่แรกเลย 



ถนนหนทางที่นี่แคบๆ ทางขึ้นลงเนินเยอะมาก 

งงจริงๆ ดูจากหน้าตา เป็นคนหลงทิศอ่ะค่ะ

พอเก็บของเรียบร้อยก็เดินทางต่อไป
ถึงตลาดหลังวัด
ถึงแล้ว ขั้นแรกก็ชอปปิ้ง หมูแผ่นก่อนเลยยแม่ค้าที่นี่ให้ชิมก่อน ก็เลยชิมไปทุกอันแบบไม่เกรงใจ 555
เดินต่อไปตามทางเรื่อยๆก็ถึงที่หมาย...ซากประตูโบสถ์เซนต์พอล 

วิวจากบนบันได มองลงมายังตลาด

Fact.
ซากประตูโบสถ์เซนต์พอล 
สร้างขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 นับเป็นสถานที่ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ และเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองมาเก๊า โบสถ์แห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนสอนศาสนาแห่งแรกของชาวตะวันตกในดินแดนตะวันออกไกล ต่อมาในปีค..1835ได้เกิดเพลิงไหม้อย่างรุนแรง ทำให้โบสถ์เซนต์ปอลคงเหลือแค่เพียงบานประตู และบันไดทางเข้าด้านหน้าที่สง่างาม หลังจากนั้นมีการบูรณะขึ้นใหม่ในปีค..1991 ด้านหลังของซากโบสถ์แห่งนี้มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาขึ้น เพื่อรวบรวมภาพเขียน และจัดแสดงอุปกรณ์ที่ใช้ในการประกอบพิธีทางศาสนา หลุมฝังศพของบาทหลวงวาลิคนาโน ผู้ก่อตั้งโบสถ์ ตลอดจนโครงกระดูกของชาวคริสต์ญี่ปุ่นและเวียดนามที่เสียชีวิตเมื่อคราวที่เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก และมีที่มาเก๊าเพียงแห่งเดียวในโลกเท่านั้น


นี้ภาพจากด้านหลังประตูโบสถ์

เดินต่อไปจตุรัส เซนาโด / เซนาโด แสควร์ -  Senado Square ชมสถาปัตยกรรม


เสร็จจากที่นี่ ก็นั่งแท็กซี่ ไปที่shuttle bus ฟรี ที่จะไป venetian ก่อนขึ้นเค้าให้หน้ากากใส่เพิ่มความตื่นเต้น 555+

ไปต่อที่ Venetian 
เดินเล่นและทานอาหารเย็นที่นี้ 

เดอะ เวเนเซี่ยน หรือ เวนิสมาเก๊า
โรงแรมครบวงจรใหญ่ที่สุดในเอเซีย สัมผัสบรรยากาศแบบเวนิส เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งร้านค้ายี่ห้อดังๆ ถึง 350ร้านค้า และอิ่มเอมกับร้านอาหารถึง 40 แห่งภายในเมืองเวนิสของโรงแรม ล่องเรือกอนโดลาในดินแดนเวนิสแห่งตะวันออก หรือเลือกชมโชว์ต่างๆ ก็ได้ตามใจชอบ

มีบริการล่องเรือ และคนพายก็ร้องเพลงให้ฟังด้วย เสียงเพราะมาก 

มีร้านทาร์ตไข่ Lord staw อร่อยอ่ะ


ถัดจากCasino เดินทะลุไปยังฝั่ง Eastจะเป็นทางเดินสวยๆ ที่สามารถเดินทะลุไปยังด้านหน้าโรงแรม เพื่อที่จะข้ามไปยัง City of Dream ได้ด้วย (แต่ไม่ได้ไป 55ไม่ทัน และเหนื่อยมากแล้วด้วย)

โชว์ฟรีที่มีให้ชมกันจะชื่อว่า Dragon's Treasure จะแสดงอยู่ที่ห้อง The Bubble
แต่ว่าไม่ไช่อยากจะดูก็สามารถเดินเข้าไปดูได้เลยน่ะค่ะ จะต้องมีตั๋วมาครอบครองก่อน
วิธีการได้ตั๋วมาไม่ยากค่ะ เพียงแค่เดินไปที่เค้าน์เตอร์หน้าห้อง TheBubble หรือไม่ก็ติดต่อพนักงานที่ Lobby ของโรงแรมก็ได้แล้วเค้าจะออกบัตรให้
การแสดงจะมีทุกวันตามเวลาดังนี้ค่ะ
12:00 - 18:00 น. จะแสดงทุก ๆ 30 นาที
19:00 - 22:00 น. จะแสดงทุก ๆ 1 ชั่วโมง
โชว์จะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 นาที
เข้าไปใน City of Dreams แล้วเดินไปตามป้ายThe Bubble เลยค่ะ ไม่ยาก

******  วิธีไป The Ole London โดยรถของ The venetian  
ให้หาป้ายที่บอกว่าHotel West Lobby เดินไปเรื่อยๆจะเจอทางออกด้านหลัง และจะมีรถบัสของเดอะเวเนเชี่ยนรับส่งลูกค้าไปยังที่ต่างๆให้หารถบัสที่จะไป Yoet Tung Pier ให้ขึ้นคันนี้เลย
 (ถ้าเดินออมาจากHotel West Lobby ของ เดอะเวเนเชี่ยน คิวรถสายนี้จะอยู่ด้านขวามือสุด)
หลังจากรถออกก็นั่งไปประมาณ20 นาที รถจะผ่านวัดอาม่าอยู่ด้านขวามือ จากวัดอาม่าก็จะเลยไปประมาณ1 กิโลเมตรก็จะถึงท่าเรือที่รถคันนี้ไปจอดซึ่งอยู่บริเวณเดียวกับโรงแรมมาเก๊า มาสเตอร์
ให้สังเกตอาคารสีเหลืองกับตู้ไปรษณีย์สีแดงอันใหญ่นี้นะคะ เดินเข้าไปในนี้จะผ่านโรงแรมเบสเวสเทิร์นซัน ซัน ก่อน แล้วถึงจะเป็น โรงแรมโอเล่ ลอนดอน ของเราถึงแล้ว.. เหนื่อย สลบเลยค่ะ วันนี้ ต้องเก็บแรง กลับฮ่องกงแล้วเที่ยวต่อ....

ส่งท้ายด้วยภาพ